ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่โองการแรกของอัลกุรอานซึ่งถูกประทานลงมายังท่านศาสนทูตมุ ฮมมั ัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) คือประโยคที่มีคำสังว่า “จงอ่าน” ” ( ่ - อิกเราะอ์) นอกจากนี้ยังมีโองการอัลกุรอานและคำกล่าวของท่านศาสนทูตมฮุ มมั ัด (ขอ ความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) อกีหลายบทที่บ่งชี้ว่าอิสลามได้ให้การสนับสนุนความรู้ต่างๆ ท ี่เอือป้ ระโยชน์ต่อมนุษย์ แม้กระทังเส้นทางท ่ ี่มุสลมิได้ใช้แสวงหาความรู้นันก็ยัง ้ ถือว่า เป็ นหนทางสู่สวนสวรรค์ ดังที่ท่านศาสนทูต (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ได้กล่าวว่า “ใครทออกเดินทางเพื ี่ อแสวง ่ หาความรู้ อัลลอฮฺจะอำนวยความสะดวกให้แก่เขาไปสู่เส้น ทางแห่งสวนสวรรค์” (มุสลมิ หมายเลข 2699)


และท่านศาสนทูต (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ได้เปรียบเทยีบคำพูดทน่าท ี่ ง ึ่ มากว่า แท้จริง ความประเสริฐของผู้รู้ นันย่อ ้ มเหนือกว่าคนที่ปฏิบตัิศาสนกิจเพียงอย่างเดียว เฉกเช่นความประเสริฐของท่านศาสนทูตมฮุ มมั ัดเหนือกว่าคนที่มีความประเสริฐต่ำสุด (อัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 2685)

ด้วยเหตุน ี้ ในอิสลามจงไึ ม่มีเหตุให้ต้องเป็ นศัตรูระหว่างศาสนากับความรู้ เฉกเช่น ศาสนาอื่นๆ และบรรดานักวิชาการก็ไม่ถูกลงโทษจากการแสดงความคิดเห็นและ ให้ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์เหมือนในยุคมืด (คือ ช่วงเวลาของความเสื่อมโทรมทังทาง ้ วัฒนธรรมและทางสังคมในยุโรปหลังจากการลม่ สลายของจักรวรรดิโรมันมาจนถึงใน สมัยที่มีการฟืนฟูกา ้ รศกษากัน ึ ขึ้นอกคี รัง) ในทางก ้ ลบั กันอิสลามถือเป็ นศาสนาแห่งการ เรียนรู้ ทังยังเชิดชูแ ้ ละเชิญชวนไปสู่การหาความรู้ ไม่ว่าจะเป็ นการเรียนและการสอน ส่วนมัสยิดต่างๆ ก็เป็ นดัง่ ตะเกียงขององค์ความรู้และวิชาการแขนงต่างๆ ตราบใดที่มัน ได้เอือป้ ระโยชน์แก่ผู้คน 

เราจึงไม่แปลกใจเลยท ี่ เห็นนักวิทยาศาสตร์ชาวมุสลิมมักที่ จะเริ่มชีวิตของพวกเขา ด้วยการเรียนรู้และท่องจำอัลกุรอาน รวมถึงการศกษาควา ึ มรู้ทางศาสนา หลังจากนัน้ ค่อยเริ่มศกษาวิทยากา ึ รแขนงต่างๆ แบบเจาะลึก

แท้จริง อัลลอฮฺได้เทิดเกียรติผู้รู้ ที่ คอยพร่ำสอนผู้คนสู่ความดีด้วยสถานะท ี่ สูงสุด กระทังท่านศาสนทู ่ ต (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ได้กล่าวว่า ทุกสรรพสิงจะ ่ ขอพรให้ แก่ผู้รู้ที่ คอยพร่ำสอนผู้คนสู่ความดี (อัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 2685)