ชาวอยิปี ต์ในอดีตจะรักษาสภาพศพให้คงทนอยู่นาน แล้ว จะนำทรัพย์สินที่มีค่าต่างๆ วางไว้กับศพ โดยเข้าใจว่า ศพเหล่านัน้ต้องการทรัพย์สินเพื่อการใช้ชีวิตภาย อิสล หลังจากที่ได้ตายไปแล้ว

ในทางตรงกันข้ามชาวทิเบตจะหนศพ ั่ ของพวกเขาเป็ นชินๆ แ ้ ล้วนำไปวาง บนท ี่สูงเพื่อให้เป็ นอาหารแก่นกและสัตว์กินเนือ ส่วนชาว ้ ฮินดูก็ยังคงเผา ศพของพวกเขา เพราะเชื่อว่ามันเป็ นวิธีหน ึ่ งเดียวท ี่จะให้วิญญาณได้ บริสุทธิ์

น ี่คือตัวอย่างความหลากหลายในพิธีกรรมและการอำลาคนตาย โดยจะแตกต่างกันในแต่ละยุคสมัยและพืนท้ ี่ตามความเชื่อทาง ศาสนาของผู้คนที่มีต่อชีวิตหลังความตายนอกจากน ี้ยังมีคำถาม สำคัญที่ต้องค้นหาคำตอบอีกว่ามีชีวิตอื่นในโลกหน้าหรือไม่? สภาพของมันเป็ นอย่างไร? และเราต้องการอะไรในวันนัน้บ้าง?

เนื่องจากความตายคือสัจธรรมท ี่ยิ่งใหญ่ ซึ่งทุกคนเห็นพ้องกัน ว่ามันรอคอยพวกเราโดยไมมี่ ยกเว้น ไม่ว่าเราจะศรัทธาต่อชีวิตใน โลกอื่นหรือไม่ก็ตาม หรือวิสัยทัศน์ของเราจะคิดว่ามีเพียงสิ่งท ี่ มองเห็นและสัมผัสได้ในโลกน ี้เท่านัน แ้ ละไม่ว่าเราจะเตรียมตัว สำหรับช่วงเวลาที่ต้องกลบั ไปหรือเราพยายามทำเป็ นลืมมัน หรือไม่สนใจด้วยการหลงอยู่ในสิ่งล่อลวงและสิ่งท ี่ สร้างความ เพลิดเพลินเตม็ ไปหมดก็ตาม

คงเหลือคำถามท ี่ สามารถใช้ต่อสู้กับความหลงลืมและความ ละเลยทุกชนิดนี้ และคอยตอกย้ำทุกครังท้ ี่มนุษย์อยู่กับตัวเองว่า... บนปั้ ลายชีวิตน ี้ยังมีชีวิตอื่นอีกหรือไม่? และการมีอยู่ของเราเป็ นไป อย่างไร้ประโยชน์หรือไม่? 

เป็ นคำถามท ี่กดดันสติปัญญาของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า และอัลกุรอาน ได้เน้นย้ำแก่เราด้วยรูปแบบที่หลากหลาย และได้บอกแก่เราถึงช่วงเวลา ที่มนุษย์จะมีความเศร้าโศกเสยใจในโ ี ลกหน้า เพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมคำ ตอบสำหรับคำถามในวันนัน แ้ ละไม่ได้เตรียมตัวเพื่อการเดินทางสู่วันนัน จน ้ บางคนได้กล่าวว่า “โอ้น่าจะดีถ้าฉันได้ทำความดีไว้ล่วงหน้าสำหรับชีวิตของ ฉันบ้าง” และบางคนก็กล่าวว่า “โอ้ ถ้าฉันเป็ นฝุ่ นดินเสียก็น่าจะดี” (ดูบทอัลฟัจญ์รฺ โองการท ี่ 24, บทอัน-นะบะอ์ โองการท ี่ 40) 

ความตายคือสัจธรรมท ี่ยิ่งใหญ่ ซึ่งทุกคนเห็นพ้องกันว่ามันรอคอยพวกเรา โดยไมมี่ ยกเว้น ไม่ว่าเขาจะศรัทธาต่อชีวิตอื่นในโลกหน้า หรือวิสัยทัศน์ของเรา จะคิดว่ามีเพียงสิงท่ ี่มองเห็นและสัมผัสได้เท่านัน้
ความตายคือสัจธรรมท ี่ยิ่งใหญ่ ซึ่งทุกคนเห็นพ้องกันว่ามันรอคอยพวกเรา โดยไมมี่ ยกเว้น ไม่ว่าเขาจะศรัทธาต่อชีวิตอื่นในโลกหน้า หรือวิสัยทัศน์ของเรา จะคิดว่ามีเพียงสิงท่ ี่มองเห็นและสัมผัสได้เท่านัน

เป็ นที่ ทราบกันดีว่า คนที่นับถือศาสนาแห่งฟาก ฟ้ าต่างศรัทธาต่อชีวิตในโลกหน้า (อาคิเราะฮฺ) รวมถึงผลตอบแทนและบทลงโทษที่มีอยู่ในวันนัน ้ เพราะมันคือเนือ้หาที่บรรดาศาสนทูตทัง้หมดได้นำ มาเผยแพร่ และเนื่องจากสติปั ญญาได้ เป็ น ประจักษ์ พยานว่าการมีชีวิต การมีศาสนา การมีจรรยามารยาทท ี่ ดีนันไ้ ม่มีความหมายใดๆ ทังสิ ้ น ้ ถ้าหากปราศจากชีวิตในโลกหน้าที่มีการ สอบสวนและตอบแทนคุณงามความดีหรือความ ชัวท่ ี่มนุษย์ได้ทำมา

อย่างไรก็ดี ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ เข้าใจว่า ศาสนาและการเคารพภักดพีระเจ้าไม่อาจจะเข้ากัน ได้กับการแสวงหาทรัพย์สินเงินทอง หรือความสุข หรือการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ ซึ่งการทำเพื่อโลกนี้หรือโลกหน้าไม่อาจจะที่หลอมรวมในเวลา เดียวกันได้ เฉกเช่นที่ กลางคืนและกลางวันไม่อาจ รวมด้วยกันได้ ซึ่งมันแยกคนละส่วนกัน ต้องเลือก ทำอย่างใดอย่างหนง ึ่

คนท ี่นับถือศาสนาแห่งฟากฟ้ าต่าง ศรัทธาต่อชีวิตในโลกหน้า (อาคิเราะฮฺ) รวมถึงผลตอบแทนและบทลงโทษที่มีอยู่ ในวันนัน

ความประหลาดใจของพวกเขายังไม่สุดเพียง เท่านัน ้ หนำซ้ำอาจจะเป็ นการยากสำหรับบางคน ท ี่จะเชื่อว่าไม่มีกำแพงอยู่ระหว่างการเคารพภักดี พระเจ้ากับการใช้ชีวิตโดยสุขสำราญ หรือกำแพง ระหว่างการเคารพภักดีกับการมีทรัพย์สินเงินทอง นัน ไ ้ ม่มีอ ยู่ ใ นหลัก ค ว ามเ ชื่อขอ ง อิ ส ล าม แต่ท่านศาสนทูตมฮุ มมั ัดได้บอกแก่เราว่า เมื่อคน ใดก็ตามทำสิงท่ ี่ถูกต้องโดยตงใจท ั้ ำความดี เขาจะ ได้รับผลตอบแทนต่อสิ่งท ี่ได้ ทำในโลกหน้ า แม้กระทังกา ่ รขจัดหนามออกจากทางสัญจรของ ผู้คน หรือการป้ อนอาหารเพียงคำเดียวแก่ภรรยา ของเขาก็ตาม (อัล-บุคอรีหมายเลข 56)

 ท่านศาสนทูตมฮุ มมั ัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ ท่าน) ได้บอกว่าประตู่สู่ความดีงามนัน้ มีความ หลากหลายและไม่สินสุด เฉกเช่นเ ้ รื่องท ี่ ทำให้ บรรดาสาวกพากันประหลาดใจเมื่อท่านศาสนทูต ได้กล่าวว่า “การทคนใดก็ ี่ ตามทปี่ ลดเปลองอา ื้ รมณ์ ใคร่กับภรรยาของเขาเอง เขาก็จะได้รับผลบุญ” บรรดาสาวกจงกึ ล่าวว่า “ผลบุญเก ี่ ยวข้องอย่างไร กับการปลดอารมณ์ใคร่?” ท่านศาสนทูตจงกึ ล่าว ว่า “พวกท่านคิดเห็นอย่างไรหากเขาปลดเปลือง้ อารมณ์ใคร่ของตนกับสิ่งต้องห้าม เขาจะต้องรับ บาปไหม?” บรรดาสาวกกล่าวว่า “แน่นอนที่สุด” ท่า น ศ า ส น ทูตจึง กล่า ว ว่า “ เ ช่ น นัน แ้ หละ คนท ี่ปลดเปลองอา ื้ รมณ์ใคร่ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ กับภรรยาย่อมจะได้รับผลบุญ เพราะเขาเลือกที่ จะ ปลดเปลองด้วย ื้ หนทางที่ถูกต้อง” (มุสลมิ หมายเลข 1006) 

ด้วยเหตุน ี้ ทุกคนท ี่ได้เรียนรู้ อิสลามตงแั้ ต่ช่วง แรกต่างตระหนักเห็นถึงข้อเท็จจริงของความสมดุล ระหว่างชีวิตในโลกน ี้กับชีวิตในโลกหน้า เฉกเช่นที่ อัลกุรอานได้สาธยายไว้ ซึ่งในขณะท ี่อิสลามเร่งเร้า ให้ผู้คนได้เคารพภักดีเพื่อแสวงหาผลตอบแทนใน โลกหน้า ก็ยังมีการเน้นย้ำให้มีความขะมักเขม้น ทุ่มเทกับกิจการในโลกน ี้เพื่อแสวงหาความ โปรดปรานของอัลลอฮฺ (อัลกุรอานบทอัล-ญุมุอะฮฺ โองการท ี่ 9-10) เขายังสมควรท ี่จะได้รับรางวัลและ ผลตอบแทนตราบใดที่ เขามีเจตนาเพื่ออัลลอฮฺใน การกระทำนัน ้ ซึ่งมุสลมถิ ูกสังใช้ใ ่ ห้เคารพภักดีต่อ อัลลอฮฺด้วยการมุ่งมนทั่ ำงานเพื่อแสวงหาปัจจัย ยังชีพ และการอบรมเลี้ยงดูลูกๆ รวมถึงการเอาใจ ใส่ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเขา และ การพัฒนาสังคมท ี่ เขาอยู่ เฉกเช่นที่ เขาได้เคารพ ภักดีต่อพระเจ้าด้วยการละหมาด บริจาคทาน และ ถือศีลอด

และนคือี่ หนงในควา ึ่ มลบขั องความสงบสุขในจิตใจและความสบายใจในตัวของมุสลมิ ขณะทเ ี่ ขาสัมผัส ได้ถึงความสอดประสานกันระหว่างชีวิตในโลกน ี้ และชีวิตในโลกหน้าของเขา ระหว่างความสุขสำราญและ การเคารพภักดีของเขา โดยไมข่ ัดแย้งและไมซ้ำซ ่ ้อน แต่เป็ นการบรูณาการท ี่ เตมิเตม็ สนับสนุนกันและกัน ในที่ น ี้ อัลกุรอานได้เน้นย้ำถึงอัตลักษณ์ของความเป็ นมุสลมิ ท ี่ได้หลอมรวมปรัชญาของอิสลามในเรื่อง น ี้ โดยได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า แท้จริงชีวิตของเราทุกแง่มมุ เป็ นไปเพื่อการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ ในทุก สถานการณ์ ไม่ใช่แค่การละหมาดและการเคารพภักดีของฉันเท่านันท้ ี่ ทำเพื่ออัลลอฮฺ แตหม่ ายรวมถึงทุก แง่มมุ ชีวิตของฉัน ทุกอย่างฉันทำมันเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ พระองค์จะตัดสินการงานของ ฉัน และจะให้ผลตอบแทนหลังจากที่ฉันได้ตายไป ด้วยเหตุน ี้ ฉันจึงยึดมนในค ั่ ำสังใช้ ่ ของอัลลอฮฺและ ศาสนาอิสลามของพระองค์ (อัลกุรอานบทอัล-อันอาม โองการท ี่ 162)